ประวัติ พระปิณโฑลภารทวาชเถระ
๑. สถานะเดิม
พระปิณโฑลภารทวาชเถระ นามเดิม ภารทวาชะ
บิดาเป็นปุโรหิตของพระเจ้าอุเทน แต่ไม่ปรากฎนาม
มารดา ไม่ปรากฎนาม
เกิดในแคว้นวังสะ วรรณะพราหมณ์
๒. ชีวิตก่อนบวช
พระปิณโฑลภารวาชเถระ ครั้งก่อนบวช ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากบิดาและมารดา ครั้นเจริญวัย ได้ศึกษาแบบพราหมณ์จบไตรเพท แล้วได้เป็นอาจารย์สอนมนต์แก่มาณพ ๕๐๐ คน ต่อมาถูกศิษย์ทอดทิ้งเพราะกินจุ จึงไปยังเมืองราชคฤห์สอนมนต์อยู่ที่นั่น
๓. มูลเหตุของการบวชในพระพุทธศาสนา
เมื่อปิณโฑลภารทวาช ไปอยู่ในเมืองราชคฤห์นั้นได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากับพระมหาสาวกมีลาภมาก มีความปรารถนาจะได้ลาภเช่นนั้นบ้าง จึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดา ทูลขอบรรพชาอุปสมบท พระพุทธองค์ทรงบวชให้เขาด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา
๔. การบรรลุธรรม
พระปิณโฑลภารทวาชเถระ ครั้นบวชในพระพุทธศาสนาแล้ว ได้เที่ยวบิณฑบาตโดยไม่รู้จักประมาณ เนื่องจากฉันอาหารจุจึงถูกขนานนามเพิ่มว่า ปิณโฑลภารทวาชะ (ปิณโฑละ ผู้แสวงหาก้อนข้าว) พระศาสดาทรงทราบเช่นนั้น จึงทรงใช้อุบายวิธีแนะนำท่านให้เป็นผู้รู้จักประมาณในการบริโภคอาหาร ท่านค่อย ๆ ฝึกฝนตนเองไปจึงกลายเป็นผู้รู้ประมาณ ต่อจากนั้นไม่นานได้พยายามบำเพ็ญสมณธรรม ก็ได้บรรลุอรหัตผล พร้อมอภิญญา ๖
๕. งานประกาศพระพุทธศาสนา
พระปิณโฑลภารทวาชเถระ ได้เป็นกำลังสำคัญรูปหนึ่งของพระศาสดา ได้รับคำท้าประลองฤทธิ์ กับพวกเดียรถีย์ที่บ้านของเศรษฐีคนหนึ่งในกรุงราชคฤห์ โดยเหาะขึ้นไปเอาบาตรไม้จันทน์ที่เศรษฐีนั้น แขวนเอาไว้ในที่สูงพอประมาณ เพื่อทดสอบว่ามีพระอรหันต์ในโลกจริงหรือไม่
เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ท่านไปยังแคว้นวังสะ นั่งพักอยู่ที่โคนต้นไม้ในพระราชอุทยานของพระเจ้าอุเทน พระเจ้าอุเทนเสด็จมาพบ และได้สนทนากันเกี่ยวกับเรื่องพระหนุ่ม ๆ ในพระพุทธศาสนาบวชอยู่ได้อย่างไร ท่านได้ทูลว่าพระเหล่านั้น ปฏิบัติตามคำสอนของพระศาสดา คือระวังอินทรีย์ไม่ให้ยินดียินร้าย ไม่ยึดถืออะไรที่ผิดจากความจริง พระเจ้าอุเทนทรงเข้าใจ และเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ประกาศพระวาจานับถือพระรัตนตรัย
๖. เอตทัคคะ
พระปิณโฑลภารทวาชเถระ ครั้นได้บรรลุพระอรหัตผล พร้อมได้อภิญญา ๖ แล้ว มีความมั่นใจตนเองมาก เมื่ออยู่ในหมู่ภิกษุหรือแม้แต่หน้าพระพักตร์ของพระศาสดา ก็จะเปล่งวาจาบันลือสีหนาทว่า ผู้ใดมีความสงสัยในมรรคและผล ผู้นั้นจงถามข้าพเจ้า เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงตั้งท่านไว้ในเอตทัคคะว่า เป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้บันลือสีหนาท
๗. บุญญาธิการ
พระปิณโฑลภารทวาชเถระนี้ ในพุทธุปบาทกาลของพระปทุมุตตระ ได้เกิดเป็นราชสีห์อยู่ในถ้ำแห่งภูเขาแห่งหนึ่ง เวลาออกไปหาเหยื่อ พระพุทธเจ้าได้เสด็จเข้าไปประทับนั่งในถ้ำของเขา แล้วทรง เข้านิโรธสมาบัติ ราชสีห์กลังมาเห็นดังนั้น ทั้งร่าเริงและยินดี บูชาด้วยดอกไม้ ทำใจให้เลื่อมใส ล่วง ๗ วันไป พระพุทธเจ้าออกจากนิโรธสมาบัติ เหาะขึ้นสู่อากาศกลับไปยังวิหาร ราชสีห์นั้นหัวใจสลายแตกตายไป เพราะความพลัดพรากจากพระพุทธเจ้า ได้บังเกิดเป็นลูกเศรษฐีในพระนครหังสวดี ครั้นเจริญวัยแล้วได้ทำบุญ คือทาน ศีล ภาวนา ตลอดมา เขาได้ทำบุญอย่างนั้นอีกนับภพและชาติไม่ถ้วน สุดท้ายได้ถึงฝั่งแห่งสาวกบารมีญาณในพุทธุปมาทกาลแห่งพระโคดม ดังได้กล่าวมา
๘. ธรรมวาทะ
การแสวงหาที่ไม่สมควร ทำให้ชีวิตอยู่ไม่ได้
อาหารไม่ใช่สร้างความสงบให้จิตใจเสมอไป
แต่ก่อนข้าพเจ้าเข้าใจว่า ร่างกายอยู่ได้เพราะอาหารจึงได้ แต่แสวงหาอาหาร การไหว้และการบูชาจากผู้คนในตระกูลทั้งหลาย นักปราชญ์ กล่าวว่า เป็นเปือกตม เป็นลูกศร ที่เล็กนิดเดียว แต่ถอนได้ยากที่สุด
คนชั้นต่ำ ยากที่จะละสักการะได้
๙. นิพพาน
แม้พระปิณโฑลภารทวาชเถระนี้ ก็เหมือนกับพระอสีติมหาสาวกทั่วไป เมื่อได้บรรลุพระอรหัตผล แล้วได้ช่วยพระศาสดาประกาศพระพุทธศาสนา ไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตแล้วได้นิพพานดับไป ตามวิสัยของพระอรหันต์ที่ว่า ชาติสิ้นแล้ว ภพใหม่ไม่มีอีกแล้ว